เปรียบเทียบ Wi-Fi 6 กับรุ่นอื่นๆ พร้อมแนะนำสิ่งที่ควรพิจารณาเมื่อต้องการเปลี่ยนไปใช้

13 ธันวาคม 2565

Wi-Fi คืออะไร ?

คำว่า “Wi-Fi” ถูกสร้างขึ้นโดย Wi-Fi Alliance ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรและหมายถึงกลุ่มของโปรโตคอลเครือข่ายไร้สายที่ใช้มาตรฐานเครือข่าย IEEE 802.11 Wi-Fi มีมาตั้งแต่ปลายยุค 90 แต่มีการปรับปรุงอย่างมากในทศวรรษที่ผ่านมา

ตารางเปรียบเทียบรุ่นปี Wi-Fi

Wi-Fi 6 (AX) เปรียบเทียบกับ Wi-Fi 5 (AC)

Wi-Fi 6 เป็นการอัปเกรดที่เหนือกว่ารุ่นก่อนๆ ถึงแม้ว่าความแตกต่างอาจไม่ชัดเจนสำหรับผู้ใช้ทั่วไป การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้อาจไม่ได้เปลี่ยนวิธีที่เราใช้เราเตอร์ไร้สาย หรือเครือข่ายแบบไร้สาย แต่ประกอบด้วยการพัฒนาที่ซ้อนกันมากมายเพื่อเป็นการอัปเกรดที่เพิ่มประสิทธิภาพจากรุ่นก่อนๆ ดังนี้

1.        More Speed and Greater Stability

•        4x Longer OFDM Symbol
OFDM คือการรับ-ส่งชุดสัญลักษณ์ข้อมูล โดยจะแบ่งชุดข้อมูลเป็นคลื่นพาห์ย่อยเพื่อความเสถียรและครอบคลุมที่มากขึ้น WiFi 6 มีการใช้ ความยาวคลื่นใน OFDM symbol ถึง 4 เท่า เพื่อสร้างคลื่นพาห์ย่อยให้มากขึ้นถึง 4 เท่า ด้วยทั้งหมดนี้ เทคโนโลยี OFDM ของ Wi-Fi 6 ที่ยาวขึ้น จะช่วยขยายการครอบคลุมที่มากขึ้นและเร็วขึ้นถึง 11% ทำให้คุณสนุกกับการท่องอินเทอร์เน็ตที่ครอบคลุมและการเชื่อมต่อที่รวดเร็วขึ้นบน Smarthome ของคุณ ไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์, เกมส์ หรือคอมพิวเตอร์

2.        More Bandwidth on a Wider Channel

•        160 MHz Channel Width
Wi-Fi 6 ขยาย Wi-Fi band จากเดิมคือ 80 MHz มาเป็น 160 MHz เพื่อเพิ่มความกว้างของช่องสัญญาณเป็นสองเท่า และสร้างการเชื่อมต่อจากเราเตอร์ไปยังอุปกรณ์ของคุณให้เร็วขึ้น ด้วย Wi-Fi 6, คุณสามารถเพลิดเพลินไปกับการดูหนัง 8K, การรับ-ส่งไฟล์ขนาดใหญ่และ การตอบสนองของอุปกรณ์ smart home อย่างรวดเร็ว

3.        Increased Efficiency with OFDMA

•        Make Latency A Thing of The Past
มาตรฐาน Wi-Fi 6 ใช้ OFDMA ในการเพิ่มประสิทธิภาพ เปรียบเสมือนว่าการเชื่อมต่อ WiFi ของคุณคือรถบรรทุกที่คอยส่งข้อมูลหรือ Packetไปยังอุปกรณ์ของคุณ ด้วย 802.11ac WiFi, แต่ละการส่งของรถบรรทุก หรือ “packet” จะสามารถส่งข้อมูล 1 ครั้งต่อ 1 อุปกรณ์ แต่ด้วย OFDMA ทำให้ในแต่ละรถบรรทุก 1 คันสามารถส่งข้อมูลหลายๆข้อมูลไปยังหลายอุปกรณ์ได้พร้อมๆกัน ในการเพิ่มประสิทธิภาพนี้สามารถใช้ได้กับทั้งการอัปโหลดและดาวน์โหลด

4.        Connect to More Devices Simultaneously

•        With 8 x 8 MU-MIMO
เทคโนโลยี MU-MIMO, ทำให้ผู้ใช้หลายคนสามารถเข้าถึงเราเตอร์ได้พร้อมๆกัน โดยที่แบนด์วิดท์ไม่ลดลง ด้วย 8 x 8 MU-MIMO ที่มีมากถึง 8 สตรีม พร้อมขยายสัญญาณอินเตอร์เน็ตสำหรับทุกผู้ใช้งาน ซึ่งตรงกันข้ามกับ 802.11ac MU-MIMO จะใช้งานเพียงแค่การ downloads แต่ Wi-Fi 6 เป็น 8 x 8 MU-MIMO ที่ทำให้คุณสามารถทำงานได้ทั้งการอัปโหลดและดาวน์โหลด นั่นหมายความว่าไม่ว่าคุณจะกำลังสตรีมมิ่ง กำลังดาวน์โหลด หรือแม้แต่กำลังเล่นเกม VR/AR, MMO หรือ RPG ด้วย Wi-Fi 6 กับ 8 สตรีม ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานอินเตอร์เน็ตแบบไหนก็เพียงพอสำหรับคุณ

5.        Minimize Wi-Fi Conflicts with Your Neighbor

•        With Wi-Fi 6’s BSS Color
การรบกวนจากเครือข่าย Wi-Fi ที่อยู่รอบข้างอาจทำให้เกิดปัญหากับสัญญาณ Wi-Fi ของคุณ แต่ด้วย BSS (Base Service Station) Color นี้ จะช่วยลดปัญหาการรบกวนกันของสัญญาณระหว่าง AP กับเครือข่ายอื่นๆ รอบข้าง หากคุณอาศัยอยู่ในอพาร์ทเม้นท์หรืออาศัยอยู่ในพื้นที่ที่มีบ้านติดกันมากๆ นั่นหมายความว่าเราเตอร์ของคุณจะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่าโดยไม่จำเป็นต้องตั้งค่าอื่นๆเพิ่ม

6.        Reduce Power Consumption

•        With Target Wake Time
Target Wake Time (TWT) จะช่วยให้อุปกรณ์ทราบว่าเมื่อใดที่จะต้องติดต่อสื่อสารและเมื่อไหร่ที่ควรจะทำการรับ หรือส่งข้อมูล ทำให้เพิ่มเวลาพักเครื่องและเพิ่มอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ได้เป็นอย่างมาก สำหรับอุปกรณ์พกพาและอุปกรณ์ IoT

Wi-Fi 6E คืออะไร ?

นอกจากเทคโนโลยี Wi-Fi 6 แล้ว ยังมีเทคโนโลยี Wi-Fi ใหม่อีกตัวที่พี่งเปิดตัวคือ Wi-Fi 6E โดยปกติแล้วอุปกรณ์ Wi-Fi ถูกจำกัดไว้ก่อนหน้านี้โดยใช้ความถี่ที่ 2.4GHz และ 5GHz เท่านั้น อุปกรณ์ที่เปิดใช้งาน Wi-Fi 6E สามารถใช้ย่านความถี่ 6GHz ซึ่งให้แบนด์วิดท์ 1,200MHz จึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับการส่งข้อมูลจำนวนมากในระยะทางสั้นๆ ซึ่งจะช่วยบรรเทาความแออัดและสัญญาณรบกวนสำหรับอุปกรณ์ที่รองรับ ให้ลองคิดว่า Wi-Fi 6E เป็นถนนเลนใหม่ที่กว้างขึ้นซึ่งถูกเพิ่มเข้ามาในทางด่วน Wi-Fi สองเลนก่อนหน้านี้ ที่มาพร้อมด้วยข้อดีทั้งหมดของ Wi-Fi 6 ไม่ใช่ว่าอุปกรณ์ทุกอุปกรณ์ที่รองรับ Wi-Fi 6 จะรองรับระบบ Wi-Fi 6E ด้วย ดังนั้นโปรดตรวจสอบให้แน่ใจว่าฮาร์ดแวร์ที่คุณกำลังพิจารณามีการรองรับ Wi-Fi 6E หรือไม่เมื่อทำการอัปเกรด

สิ่งที่คุณควรพิจารณาเมื่อเปลี่ยนไปเป็น Wi-Fi 6 มีดังนี้

•        เราเตอร์ของคุณรองรับ Wi-Fi 6 หรือไม่ การอัปเกรดที่สำคัญที่สุดที่คุณต้องใช้เพื่อใช้ประโยชน์จากโปรโตคอลใหม่นี้คือ เราเตอร์ที่รองรับ Wi-Fi 6 ผู้ผลิตส่วนใหญ่นำเสนอเราเตอร์ที่รองรับ Wi-Fi 6 อยู่แล้ว ดังนั้นจึงมีตัวเลือกมากมายให้เลือกซื้อ
•        อุปกรณ์ของคุณรองรับระบบ Wi-Fi 6 หรือไม่ นอกจากนี้คุณยังต้องใช้อุปกรณ์ที่มีความสามารถในการใช้ Wi-Fi 6 แม้ว่า Wi-Fi 6 จะเข้ากันได้กับ 802.11ac รุ่นเก่า (Wi-Fi 5) แต่คุณต้องมีอุปกรณ์ที่รองรับ Wi-Fi 6 เพื่อใช้ประโยชน์จากทุกสิ่งที่เราได้แสดงไว้ที่นี่ เมื่อ Wi-Fi 6 กลายเป็นสิ่งที่เป็นมาตรฐานมากขึ้นในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า อุปกรณ์รุ่นใหม่จะเริ่มรวมเทคโนโลยีเข้าไว้ด้วยกันและจะกลายเป็นอุปกรณ์ในมาตรฐานใหม่
•        PC ของคุณรองรับ Wi-Fi 6 หรือไม่ หากคุณมี Intel CPU เจนเนอเรชันใหม่ล่าสุด และเมนบอร์ดที่ใช้งานร่วมกันได้ จะมีหลายฟังก์ชันที่จำเป็นสำหรับ Wi-Fi 6 รวมอยู่ด้วยแล้ว ทำให้การใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีใหม่นี้ง่ายกว่าที่เคย แม้ว่าเสาอากาศ M.2 ภายนอกยังคงเป็นสิ่งจำเป็นหากเมนบอร์ดของคุณไม่มีมาให้ การใช้งานIntel® Integrated Connectivity (CNVi) หมายถึงเทคโนโลยีส่วนใหญ่ที่ขับเคลื่อน Wi-Fi 6 มีอยู่แล้วในระบบของคุณ

Zenith Logo