20 ธันวาคม 2565
การทำงานของ BigFix จะทำงานแบ่งออกเป็น 4 Module หลักคือ Patch Management, Lifecycle, Compliance และ Inventory ซึ่งในแต่ละ Module นั้นมีความสามารถต่างๆ ดังนี้
• ทำการตรวจสอบ, ติดตั้ง, รายงานสรุป Patch ที่ขาดในเครื่องคอมพิวเตอร์
• ทำการตรวจสอบ, ติดตั้ง, รายงานสรุป 3rd Party application ที่ขาดในเครื่องคอมพิวเตอร์
• รองรับการ Patch ได้หลากหลายมากที่สุด เช่น MAC OS, WINDOW, LINUX (UBUNTU, REDHAT, SUSE), AIX, SOLARIS, VMware และอื่นๆ อีกมากมาย
• สามารถติดตั้ง patch ได้แม้เครื่องคอมพิวเตอร์ไม่ได้เชื่อมต่อ Internet โดยทำการติดตั้งผ่านคอนโซลควบคุมส่วนกลาง
• สามารถค้นหาอุปกรณ์ในระบบผ่าน Nmap scan ซึ่งทำการค้นหาผ่าน IP Address
• สามารถเขียนคำสั่งเพื่อให้ BigFix นำข้อมูลของคอมพิวเตอร์ทั้งหมดมาแสดงแบบ Real-time ได้ตามความต้องการ
• สามารถทำการติดตั้งและถอน Software ของเครื่องคอมพิวเตอร์ผ่านคอนโซลส่วนกลาง และยังสามารถทำ Self-Service Application ได้
• มีความสามารถของ Module Patch
• สามารถติดตั้ง OS ให้กับคอมพิวเตอร์ได้
• สามารถ Remote access ไปยังคอมพิวเตอร์ได้ผ่าน Software ของ BigFix เอง
• สามารถค้นหาอุปกรณ์ในระบบผ่าน Nmap scan ซึ่งทำการค้นหาผ่าน IP Address
• สามารถเขียนคำสั่งเพื่อให้ BigFix นำข้อมูลของคอมพิวเตอร์ทั้งหมดมาแสดงแบบ Real-time ได้ตามความต้องการ
• มีความสามารถของ Module Patch
• มีความสามารถในการเช็ค Security Baseline ได้หลากหลายจากมาตรฐานสากล เช่น CIS, USGCB, FDCC, DISA STIGs
• สามารถทำ Vulnerability Assessment ได้สำหรับ Windows Platform
• สามารถตรวจสอบ, จัดการ anti-malware agent ได้หลากหลายผลิตภัณฑ์
• ทำการตรวจสอบความปลอดภัยอุปกรณ์ตามที่กำหนดและจัดการนำอุปกรณ์ที่ไม่ผ่านการตรวจสอบออกจากระบบ network ได้
• สามารถตรวจสอบตามมาตรฐาน PCI-DSS (ซื้อเพิ่มเติม)
• ทำการตรวจสอบ, รายงานสรุปอุปกรณ์ Hardware และ Software ที่ติดตั้งภายในคอมพิวเตอร์
• รองรับการตรวจสอบการใช้งาน Software ได้มากกว่า 1000 ผลิตภัณฑ์
• สามารถตรวจเช็คการใช้งาน Software ทั้งหมดเทียบกับ License ที่มีและสรุปเป็นรายงานได้
นอกจาก BigFix จะสามารถจัดการคอมพิวเตอร์ได้แล้ว ยังมี “BigFix Console” ทำหน้าที่แสดงผลข้อมูลทุกการเคลื่อนไหว ที่สามารถติดตั้งในเครื่องคอมพิวเตอร์กี่เครื่องก็ได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
ด้วยความสามารถที่มากมายของ “BigFix Agent” ที่ Agent 1 ตัวสามารถทำงานได้กับทุก Feature โดยไม่ต้องการ Agent เพิ่มเติมแล้ว ยังทำงานและสื่อสารโดยใช้แค่ Port เดียว ซึ่งจะช่วยทำให้ระบบมีความปลอดภัย และหากสภาพแวดล้อมใดมีความเร็ว Network ที่ต่ำก็ยังสามารถกำหนดให้ Agent ทำงานในความเร็วที่กำหนดได้ โดยทั้งหมดนี้ Agent ใช้พื้นที่และทรัพยากรเครื่องคอมพิวเตอร์น้อยมากในการทำงาน
ความสามารถเด่นของ BigFix คือการเน้นทำให้ระบบมีความปลอดภัยมากที่สุด ดังนั้น BigFix จึงมีความสามารถที่จะค้นหาและจัดการคอมพิวเตอร์ที่ไม่ปลอดภัย ไม่ว่าจะเป็นการ Patch OS ,Patch Application, VA Scan for Windows และสามารถทำ Checklist Baseline มาตรฐานอย่าง CIS, FDCC, DISA STIG, PCI DSS*,USGCB จึงสามารถมั่นใจได้ว่าระบบมีความปลอดภัยระดับมาตรฐานที่ทั่วโลกแนะนำ
เป็นอีกหนึ่งความสามารถของ BigFix ที่ทำให้การจัดการครบถ้วนภายใน Software เดียวที่สามารถทำได้ทั้ง Deploy Patch, Deploy Software, Deploy OS, Power Management, Real-Time response computer information และยังมี Software สำหรับการ Remote Control ที่เป็นของ BigFix เองเพิ่มเติมให้อีกด้วย
นอกจากความสามารถทั้งหมดที่กล่าวมา BigFix ยังสามารถทำการ Customize เพิ่มเติมได้อย่างมากมายมหาศาลผ่านภาษา Relevance ทั้งนี้สามารถ Customize ตั้งแต่คำสั่งที่อยากให้ทำไปจนถึงตรวจสอบสิ่งต่างๆของเครื่องคอมพิวเตอร์อย่างไร้ขีดจำกัด ไปจนถึงการจัดการทำรายงานและแจ้งเตือนแบบประจำวันหรือสัปดาห์ ซึ่งจะทำให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมของแต่ละระบบและทำให้การทำงานของผู้ดูแลนั้นง่ายมากยิ่งขึ้น