5 กลยุทธ์จัดการต้นทุนการใช้งาน Hybrid Multicloud

27 กุมภาพันธ์ 2567

        เทคโนโลยีมีการพัฒนาที่ก้าวกระโดดอย่างต่อเนื่อง ที่มาพร้อมกับความซับซ้อน นับเป็นสิ่งที่ท้าทายต่ออุตสาหกรรมไอทีเป็นอย่างมาก อีกทั้งเทคโนโลยีเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนการพัฒนาธุรกิจ แต่ละองค์กรจึงจำเป็นต้องวางกลยุทธ์ด้านไอทีอย่างรอบคอบเพื่อให้ดำเนินงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพสูงสุด กลยุทธ์สำคัญด้านไอทีที่มีประสิทธิภาพให้รองรับการพัฒนาด้านเทคโนโลยี ควรมีโครงสร้างพื้นฐานแบบไฮเปอร์คอนเวิร์จ และระบบคลาวด์ที่ดี ทำให้กลายเป็นศูนย์ข้อมูลที่ทันสมัยสามารถพัฒนาไปสู่การดำเนินงานมัลติคลาวด์แบบไฮบริดได้ง่ายขึ้น
        เรียกได้ว่าเป็นการใช้บริการฐานข้อมูลแบบครบวงจร เป็นบริการที่สามารถช่วยให้ทีมไอทีได้ใช้ประโยชน์จากนวัตกรรมใหม่ๆ ขณะเดียวกันก็จัดการความซับซ้อนและต้นทุนการดำเนินงานได้

Hybrid Multicloud ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการต้นทุนได้อย่างไร?
        การใช้งาน Hybrid Multicloud ช่วยลดต้นทุนในด้านการใช้งาน Cloud โดยเลือกใช้บริการให้เหมาะสมกับงานและการใช้งานที่แตกต่างกัน และยังช่วยปรับเปลี่ยนต้นทุนให้เหมาะสมกับการขยายตัวของธุรกิจ รวมไปถึงช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นในการพัฒนาและการขยายตัวของแอปพลิเคชัน โดยสามารถใช้งานและพัฒนาได้โดยไม่ต้องพึ่งพากับพื้นที่เพียงคลาวด์เดียว ในกรณีที่ความต้องการของธุรกิจมีการเปลี่ยนแปลงในอนาคต
        องค์กรจึงควรให้ความสำคัญในการจัดการ Cloud ให้มีประสิทธิประภาพ และรองรับต่อการพัฒนาที่รวดเร็ว และการขยายตัวตัวของธุรกิจในอนาคต โดยกลยุทธ์สำคัญในการจัดการ Hybrid Cloud ได้อย่างมีประสิทธิภาพ มี 5 กลยุทธ์ ดังนี้

1. Hyperconverged Infrastructure (โครงสร้างพื้นฐานแบบไฮเปอร์คอนเวิร์จ)

        Hyperconverged Infrastructure เป็นการจัดการพื้นที่จัดเก็บข้อมูลเข้ากับเครือข่ายที่ช่วยให้องค์กรสามารถจัดการทรัพยากรด้าน IT ได้อย่างมีประสิทธิภาพและง่ายมากขึ้น ด้วยการรวมเซิร์ฟเวอร์ต่างๆไว้ในที่เดียวกัน เช่น การจัดเก็บข้อมูล (Storage), เครื่องเซิร์ฟเวอร์ (Server), เครือข่าย (Networking), และการจัดการ (Management) แต่สามารถรองรับการขยายตัวและพัฒนาได้ตามต้องการขององค์กร ช่วยให้สามารถปรับใช้ข้อมูลภายในองค์กรกับ Public Cloud ได้ง่ายยิ่งขึ้น และสะดวกต่อการเชื่อมต่อสู่ Hybrid Multicloud ซึ่ง HCI เป็นส่วนสำคัญในการลดต้นทุนด้านไอที โดยลงทุนในการจัดการเพียงส่วนเดียวที่สามารถรองรับได้ทั้งหมด ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการจัดการแต่ละส่วน

2. Unified Data Services (บริการข้อมูลแบบครบวงจร)

        Unified Data Services เป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ในการเพิ่มประสิทธิภาพด้านต้นทุนมัลติคลาวด์ สิ่งนี้ทำให้ผู้ใช้คลาวด์สามารถปรับใช้จัดการข้อมูลภายในองค์กรในระบบคลาวด์ และที่ Edge รวมถึงบริการข้อมูลสำหรับแอปพลิเคชัน Kubernetes และการเคลื่อนย้ายข้อมูลข้ามคลาวด์ ด้วย Unified Data Services เป็นการให้บริการข้อมูลที่เข้าถึงได้จากหลายๆแห่ง ผ่านคลาวด์เดียวกัน โดยไม่ต้องค้นหาข้อมูลจากหลายแหล่ง ทำให้การจัดการข้อมูลมีประสิทธิภาพ ปลอดภัย และลดความซ้ำซ้อนในการจัดเก็บข้อมูล เพิ่มความสะดวกในการจัดการข้อมูล
        โทมัส คอร์เนลี รองประธานอาวุโสฝ่ายการจัดการผลิตภัณฑ์ของนูทานิกซ์ กล่าวเกี่ยวกับการรวมบริการข้อมูลเข้าด้วยกัน ว่า “ทีมไอทีจำเป็นต้องค้นหาวิธีที่จะช่วยให้นักพัฒนาของตนได้รับบริการข้อมูลแบบบริการตนเอง ขณะเดียวกันก็ทำให้มั่นใจว่านโยบายการกำกับดูแลและความปลอดภัยจะถูกนำไปใช้อย่างเท่าเทียมกัน”
        แนวคิดบริการข้อมูลแบบครบวงจรตอบสนองความต้องการสำหรับการดำเนินงานทั่วไปในการตั้งค่ามัลติคลาวด์ ผู้ดูแลระบบจะมองเห็นและควบคุมโครงสร้างพื้นฐานทั้งหมดได้อย่างครอบคลุม ซึ่งมีความปลอดภัยของข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการใช้ทรัพยากร และควบคุมต้นทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านไอที

3. Hybrid Multicloud Platform-as-a-Service (Paas)

        Hybrid Multicloud Platform-as-a-Service (PaaS) เป็นแพลตฟอร์มที่ให้บริการซอฟต์แวร์และองค์ประกอบอื่นๆ สำหรับการพัฒนาและให้บริการแอปพลิเคชันบนพื้นที่คลาวด์แบบ Hybrid Multicloud โดย Hybrid Multicloud PaaS จะมีความสามารถในการรวมกันระหว่างพื้นที่คลาวด์หลายๆ แหล่ง รวมถึงคลาวด์ส่วนตัวภายในองค์กร (Private Cloud) และคลาวด์สาธารณะ (Public Cloud) ซึ่งช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นในการพัฒนาและให้บริการแอปพลิเคชัน
การใช้บริการ Paas เป็นกลยุทธ์ที่ช่วยควบคุมค่าใช้จ่ายเพื่อให้รองรับในการสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็น ให้เป็นไปตามนโยบายข้อกำหนดด้านต้นทุนให้เหมาะสมสำหรับธุรกิจ และเหมาะสมกับกลยุทธ์
        ดังนั้น Hybrid Multicloud PaaS เป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพสำหรับการพัฒนาและให้บริการแอปพลิเคชันในสภาพแวดล้อมคลาวด์ที่แตกต่างกันได้อย่างมีประสิทธิภาพและยืดหยุ่น ทั้งยังช่วยให้เกิดความคุ้มค่าต่อต้นทุนมัลติคลาวด์ที่มีความเหมาะสมให้การดำเนินการเกิดประสิทธิภาพสูงสุด

4. การจัดการแบบ Cloud-to-Edge

        นวัตกรรมในระบบมัลติคลาวด์แบบไฮบริดยังช่วยเพิ่มขีดความสามารถให้กับการประมวลผล แบบ Edge การดำเนินงานศูนย์ข้อมูลแบบรวมศูนย์ที่เชื่อมต่อกับ Cloud Service และ Remote Offices อาจเกิดค่า Latency และต้นทุนขององค์กร ความสามารถในการจำลองศูนย์ข้อมูลและใช้งานสภาพแวดล้อมไอทีเดียวกันในสถานที่ห่างไกลสามารถนำมาซึ่งประสิทธิภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องความปลอดภัย การอัปเดตแอปพลิเคชัน และฟังก์ชันอื่นๆ ที่สามารถดำเนินการในลักษณะที่มีการประสานงานและสม่ำเสมอ
        ในสภาพแวดล้อมมัลติคลาวด์แบบกระจาย โครงสร้างพื้นฐานในการปฏิบัติตามข้อกำหนด ประสิทธิภาพ และการปรับใช้ Edge การมีอยู่ของโซลูชันการจัดการ Cloud-to-Edge แบบรวมศูนย์ เช่น Nutanix Central ช่วยสนับสนุนการเพิ่มประสิทธิภาพต้นทุนมัลติคลาวด์ในสภาพแวดล้อมนี้ ทำให้การดำเนินงานบน Seamless Universal Cloud ไม่เกิดการ Breaks Down
        จากข้อมูลของ Gartner หลายองค์กรกำลังประเมินโมเดลคลาวด์แบบกระจาย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์การโยกย้ายบนคลาวด์เพื่อให้สามารถตอบสนองความต้องการ ลดค่า Latency และ Network Bandwidth มีความท้าทายด้านต้นทุนที่ต้องรับทราบในการเลือกแบบจำลองที่รวมเอา Edge ไว้ด้วย แต่เครื่องมือการจัดการแบบ Cloud-to-Edge ที่เหมาะสมจะตอบโจทย์ความท้าทายเหล่านั้นได้โดยตรงและควบคุมต้นทุนได้ดี

5. Cost Governance การกำกับดูแลต้นทุน

        "Cost Governance" เป็นกลยุทธ์ที่ใช้ในการควบคุมค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการใช้งานทรัพยากรทางด้านไอทีขององค์กร เน้นการให้ความสำคัญกับการจัดการค่าใช้จ่ายในการใช้งานทรัพยากรด้านไอทีเพื่อให้มีประสิทธิภาพและมีประสิทธิผลที่ดีที่สุด โดยรวมถึงการตรวจสอบค่าใช้จ่ายรายเดือนหรือรายไตรมาส การกำหนดแผนงานทางการเงิน และการใช้เทคโนโลยีหรือเครื่องมือที่ช่วยในการควบคุมค่าใช้จ่าย ดังนั้น Cost Governance เป็นส่วนสำคัญในการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายทางด้านไอทีขององค์กร เพื่อให้มีการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพและเป็นไปตามเป้าหมายของธุรกิจ นับเป็นกลยุทธ์อันชาญฉลาดที่ผู้นำธุรกิจสามารถปฏิบัติตามได้ในการเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการต้นทุนทั้งในระดับ Public, Private และ MultiCloud
        เครื่องมือการกำกับดูแลต้นทุนบน Nutanix Cloud Manager เป็นโซลูชันบนแพลตฟอร์มที่ช่วยลดความซับซ้อนในการเพิ่มประสิทธิภาพต้นทุนมัลติคลาวด์ การใช้โซลูชันซอฟต์แวร์ประเภทนี้ในกลยุทธ์การกำกับดูแลต้นทุนจะให้ประโยชน์จากการคำนวณ TCO แบบมิเตอร์ รายงานการใช้ระบบคลาวด์ที่สร้างขึ้นโดยอัตโนมัติ และการกำหนดสิทธิ์ทรัพยากรอัตโนมัติ การตรวจสอบตลอดจนการดำเนินการที่ธุรกิจทำอันเป็นผลมาจากการตรวจสอบนั้นเป็นกระบวนการสำคัญในการกำกับดูแลต้นทุนและการเพิ่มประสิทธิภาพต้นทุนโดยรวม การตรวจสอบตลอดจนการดำเนินการที่ธุรกิจทำอันเป็นผลมาจากการตรวจสอบนั้นเป็นกระบวนการสำคัญในการกำกับดูแลต้นทุนและการเพิ่มประสิทธิภาพต้นทุนโดยรวม

        Platform ที่มีการใช้งาน Hybrid Multicloud ได้อย่างมีประสิทธิภาพ จะช่วยให้สามารถจัดการทุกอย่างได้ง่ายขึ้น เนื่องจากข้อมูลมีการเชื่อมต่อถึงกันอย่างปลอดภัย และลดความเสี่ยงต่อ Workload จากการใช้งาน Cloud เพียงที่เดียว รวมถึงความปลอดภัยของข้อมูลขององค์กร และยังสามารถเข้าถึง Resource ต่างๆได้หลากหลายจากบริการที่แตกต่างของผู้ให้บริการ Cloud แต่ละเจ้า

Zenith Logo